ปศุสัตว์ฯปูพรมตรวจ 30 ห้องเย็นทั่วเชียงราย สกัดเนื้อ-หมูเถื่อนข้ามแดนทะลักเข้าไทย

เชียงราย – ปศุสัตว์ฯประสานตำรวจ-ทหาร ร่วมทีม หวั่นซ้ำรอยเหตุสะเทือนขวัญเพชรบูรณ์..ปูพรมตรวจค้น 30 ห้องเย็นทั่วเชียงราย สกัดเนื้อ-หมูเถื่อน ข้ามแดนทะลักเข้าไทย

เมื่อวานนี้ (12 ต.ค.66) นายพืชผล น้อยนาฝาย ปศุสัตว์ จ.เชียงราย นายโชคชัย วงละคร สัตวแพทย์อาวุโส ด่านกักกันสัตว์เชียงราย และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้ออกปฏิบัติการตรวจสอบห้องเย็นต่างๆ ที่เก็บเนื้อสัตว์และซากสัตว์ในพื้นที่ จ.เชียงราย เพื่อป้องกันการลักลอบนำเข้าเนื้อผิดกฎหมายซึ่งจะส่งผลกระทบต่อสุขภาพและการระบาดของโรค

โดยมีเจ้าหน้าที่ตำรวจ ซึ่งได้รับมอบหมายให้ดูแลความปลอดภัยเจ้าหน้าที่ หลังเกิดเหตุเสี่ยห้องเย็นหล่มสัก ยิงหัวหน้าด่านกักสัตว์ จ.เพชรบูรณ์ เสียชีวิต-เจ้าหน้าที่บาดเจ็บ ขณะตรวจห้องเย็นมาแล้ว

นายพืชผล เปิดเผยว่าเป็นการตรวจสอบตามมาตรการป้องกันการลักลอบนำเนื้อโค กระบือและสุกร มาจำหน่ายในประเทศไทยตามคำสั่งของ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมว.กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ที่ให้ทุกจังหวัดดำเนินการตรวจห้องเย็นและจุดเสี่ยงต่อการลักลอบนำเข้าเนื้อเถื่อนทั่วประเทศอย่างเข้มงวด

สำหรับ จ.เชียงราย มีห้องเย็นอยู่กว่า 30 แห่ง วันแรกได้ตรวจสอบไปแล้ว 2 แห่ง จากนั้นจะทยอยตรวจไปจนครบทุกแห่งภายในวันที่ 20 ต.ค.นี้ ซึ่งก็จะมีทั้งตรวจเอกสารการขออนุญาต การขนย้าย จำนวนสินค้า สถานที่ ฯลฯ

และเนื่องจากเชียงราย มีชายแดนที่ติดต่อกับประเทศเพื่อนบ้าน ปศุสัตว์จึงต้องเฝ้าระวังร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น ด่านกักกันสัตว์ ศุลกากร ตำรวจและทหาร แม้ว่าที่ผ่านมาจะพบมีการลักลอบนำเนื้อสุกรเถื่อนเข้ามาขายบริเวณชายแดนเพียงครั้งเดียวและไม่พบอีกเลยก็ตาม

นายพืชผลกล่าวต่อว่าเจ้าหน้าที่จะบูรณาการตรวจสอบ-สกัดกั้นร่วมกันอย่างจริงจังตั้งแต่การขนลำเเลียงเข้ามาทางด่านชายแดนจนถึงการนำไปเก็บไว้ในห้องเย็น รวมไปถึงการซื้อขายออนไลน์และการเฝ้าระวังทั่วไป โดยได้มีการขอกำลังจากตำรวจและทหารเข้าร่วมด้วย เพื่อลดความเสี่ยงและไม่ให้เกิดเหตุซ้ำรอยเหมือนที่ จ.เพชรบูรณ์ อีก

รายงานข่าวแจ้งว่าพื้นที่ชายแดนด้าน จ.เชียงราย มีด่านกักสัตว์อยู่ที่ชายไทย-สปป.ลาว ติดแม่น้ำโขงพื้นที่ อ.เชียงแสน และมีการค้าขายสินค้าประเภทโคและกระบือกับประเทศเพื่อนบ้านทั้งเข้า-ออก ขณะทั่วพื้นที่ศุลกากรภาค 3 พบว่าในปี 2565 มีการนำเข้าสินค้าประเภทสัตว์จำพวกโคกระบือ มีชีวิต มูลค่า 1,968,913,800 บาท ทำให้เจ้าหน้าต้องเฝ้าระวังชายแดนเพื่อป้องกันการลักลอบนำเข้าอย่างต่อเนื่อง.

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • เปิดใช้งานตลอด

บันทึกการตั้งค่า