หน้าแรก
เชียงใหม่เริ่มนับหนึ่งแก้ไขปัญหาจราจรติดขัดบริเวณ “แยกสันคะยอม” และ “แยกหนองจ๊อม (ลิขิตชีวัน)” บนถนนวงแหวนรอบสาม (ทล.121) โดยกรมทางหลวงเปิดเวทีรับฟังความคิดเห็นจากประชาชนในโครงการศึกษาออกแบบ พร้อมนำเสนอแนวคิดเบื้องต้น ทั้งทางยกระดับ ทางลอด และวงเวียน แทนระบบไฟจราจร เพื่อนำไปสู่การก่อสร้างจริงภายใน 450 วัน
วันนี้ (31 พฤษภาคม 2568) ที่หอประชุมเทศบาลตำบลสันทรายหลวง อำเภอสันทราย จังหวัดเชียงใหม่ นายศิวกร บัวป้อง รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ เป็นประธานเปิดการประชุมปฐมนิเทศโครงการ (สัมมนา ครั้งที่ 1) สำหรับโครงการจ้างวิศวกรที่ปรึกษาสำรวจและออกแบบปรับปรุงและแก้ไขปัญหาการจราจรบนทางหลวงหมายเลข 121 ในช่วงจุดตัดทางแยก ทล.1367 (แยกสันคะยอม) ไปยังจุดตัดทางแยก ทล.1001 (แยกหนองจ๊อม หรือลิขิตชีวัน)
นายสิทธาฤทธิ์ ปรีดานนท์ ผู้อำนวยการแขวงทางหลวงเชียงใหม่ที่ 2 เปิดเผยว่า กรมทางหลวงได้เล็งเห็นถึงปัญหาการจราจรที่ติดขัดอย่างหนักบริเวณแยกทั้งสองนี้ จึงได้ว่าจ้างบริษัทที่ปรึกษา ได้แก่ บริษัท พี.วี.เอส.-95 คอนซัลแต้นซ์ จำกัด, บริษัท ไฮบริดเอ็นจิเนียริ่งคอนซัลแตนท์ จำกัด และบริษัท พรีดีเวลลอปเมนท์คอนซัลแตนท์ จำกัด เพื่อทำการศึกษาและออกแบบเฉพาะเจาะจงสำหรับสองแยกนี้ หลังจากการศึกษาเบื้องต้นโครงข่ายถนนวงแหวนรอบสามทั้งหมด
“เบื้องต้นกรมทางหลวงได้ศึกษาและเสนอรูปแบบหลักคือสะพานยกระดับ แต่เราต้องการรับฟังความคิดเห็นจากประชาชนในพื้นที่ว่าเห็นด้วยกับแบบนี้หรือไม่ หรือต้องการให้พิจารณารูปแบบอื่นเพิ่มเติม เช่น ทางลอด วงเวียน หรือการปรับเปลี่ยนระบบไฟจราจรที่อาจเป็นสาเหตุของปัญหาจราจรติดขัดในบางจุดของเชียงใหม่” นายสิทธาฤทธิ์กล่าว
การประชุมครั้งนี้เป็นการปฐมนิเทศเพื่อรับฟังข้อเสนอแนะครั้งแรก โดยมีผู้เข้าร่วมรับฟังกว่า 200 คน ทั้งจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ผู้นำท้องที่ ผู้นำท้องถิ่น และประชาชนผู้ได้รับผลกระทบจากปัญหาจราจรบริเวณสองแยกดังกล่าว รวมถึงมีการประชุมผ่านระบบออนไลน์ทางแอปพลิเคชัน ZOOM ด้วย
โครงการนี้มีกำหนดระยะเวลาการศึกษาและออกแบบประมาณ 15 เดือน หรือ 450 วัน เริ่มตั้งแต่ 4 มีนาคม 2568 และจะสิ้นสุดสัญญาในวันที่ 27 พฤษภาคม 2569 โดยมีแผนจัดการประชุมเพื่อรับฟังความคิดเห็นจากประชาชนรวม 5 ครั้ง (ประชุมหลัก 3 ครั้ง และประชุมกลุ่มย่อย 2 ครั้ง) เพื่อให้การออกแบบสุดท้ายมีความสมบูรณ์ทางด้านวิศวกรรม สอดคล้องกับสภาพสิ่งแวดล้อม เศรษฐกิจ และสังคม ก่อนที่จะนำผลการศึกษาไปสู่การออกแบบเพื่อการก่อสร้างจริงต่อไป
