หน้าแรก
“พลายแสนตัน” (เดิมชื่อ “พลายสลาตัน”) ช้างตระกูลแสนเชือกที่ 22 เดินทางจากนราธิวาสถึงเชียงใหม่แล้ว และได้รับการต้อนรับอย่างอบอุ่นที่บ้านช้างตระกูลแสน ดูช้างดูดอย อ.แม่แตง จ.เชียงใหม่ โดยคุณอรพรรณ์ สิงหเสนี ได้ไถ่ชีวิตและถวายให้ท่านพระครูอ๊อด วัดเจดีย์หลวงดูแล เพื่อให้ช้างได้มีชีวิตใหม่ที่ดีขึ้น
เมื่อวันที่ 28 พฤษภาคม 2568 ณ บ้านช้างตระกูลแสน ดูช้างดูดอย อ.แม่แตง จ.เชียงใหม่ ได้มีการจัดพิธีรับขวัญ “พลายแสนตัน” ช้างตระกูลแสนเชือกที่ 22 อย่างเป็นทางการ โดยมีท่านพระครูอ๊อด วัดเจดีย์หลวง จ.เชียงใหม่ และคุณอรพรรณ์ สิงหเสนี ร่วมกันประกอบพิธี ท่ามกลางบรรยากาศที่อบอุ่นและน่าประทับใจ
พลายแสนตัน เดิมชื่อ “พลายสลาตัน” มีอายุ 7 ปี เดินทางไกลกว่า 36 ชั่วโมงจากจังหวัดนราธิวาส โดยเริ่มเดินทางเมื่อวันที่ 26 พฤษภาคม และมาถึงจังหวัดเชียงใหม่ในคืนวันที่ 27 พฤษภาคม 2568 เวลา 21.20 น.
ช้างเชือกนี้ได้รับการไถ่ชีวิตและอุปการะโดยคุณอรพรรณ์ สิงหเสนี ซึ่งตัดสินใจซื้อช้างในราคากว่า 1,110,000 บาท และถวายแด่ท่านพระครูอ๊อด วัดเจดีย์หลวง เพื่อให้ช้างมีชีวิตใหม่ภายใต้การดูแลที่เหมาะสม คุณอรพรรณ์กล่าวว่า แม้ไม่เคยสัมผัสช้างมาก่อน แต่เมื่อได้ทราบเรื่องราวชีวิตของพลายสลาตันที่ต้องเปลี่ยนถิ่นฐานและทำงานหนัก จึงเกิดแรงจูงใจที่จะช่วยเหลือ นอกจากนี้ยังได้สนับสนุนปัจจัยในการดูแลระยะยาว รวมถึงการจัดหาควาญช้างประจำตัว และอาหารช้าง เพื่อให้ช้างมีคุณภาพชีวิตที่ดีภายใต้การดูแลของครอบครัวช้างตระกูลแสน
ภายในงานมีการจัดพิธีเลี้ยงโต๊ะจีนช้าง ซึ่งประกอบด้วยผลไม้หลากหลายชนิด เพื่อเป็นการต้อนรับ “พลายแสนตัน” สู่บ้านหลังใหม่อย่างอบอุ่น
ขณะนี้ พลายแสนตันอยู่ระหว่างการกักกันโรคตามมาตรการของกรมปศุสัตว์เป็นเวลา 14 วัน ก่อนที่ทีมสัตวแพทย์จะเข้าประเมินสุขภาพและช่วยปรับตัวในสภาพแวดล้อมใหม่ต่อไป
ท่านพระครูอ๊อด วัดเจดีย์หลวง ได้เน้นย้ำว่า การถวายช้างพร้อมปัจจัยดูแลระยะยาวถือเป็นแบบอย่างที่ดีในการอนุรักษ์ช้าง เนื่องจากช้างเป็นสัตว์ที่มีอายุยืนยาว การไถ่ชีวิตจึงควรมาพร้อมกับความรับผิดชอบในการดูแลต่อเนื่อง ท่านยังกล่าวเสริมว่า “ช้างทุกเชือกมีเรื่องราวชีวิต บางเชือกผ่านความทุกข์ยากมายาวนาน การช่วยเหลือให้พวกเขาได้มีชีวิตที่ดีขึ้น คือภารกิจที่เราทุกคนสามารถมีส่วนร่วมได้” และหากสังคมร่วมกันเป็นกระบอกเสียงและดูแลช้างเหล่านี้ ก็จะเป็นพลังสำคัญในการอนุรักษ์ช้างให้อยู่คู่สังคมไทยอย่างยั่งยืน
