
นายอัฏฐวิชย์ นาควัชระ ผู้อำนวยการสำนักงานชลประทานที่ 1 เปิดเผยว่า จากการที่จังหวัดเชียงใหม่ได้มีการเปิดศูนย์บัญชาการเหตุการณ์เพื่อเตรียมพร้อมรับมือพายุ “วิภา” เมื่อวันที่ 22 ก.ค. ที่ผ่านมา ทางสำนักงานชลประทานที่ 1 จึงได้ติดตามสภาพอากาศและระดับน้ำตั้งแต่ต้นน้ำที่ อ.เชียงดาว ไปจนถึงสะพานนวรัฐ อ.เมืองเชียงใหม่ ตลอด 24 ชั่วโมงอย่างไม่นิ่งนอนใจ
นายอัฏฐวิชย์ได้สั่งการให้ นายคณาพจน์ มาเทพ หัวหน้าฝ่ายปฏิบัติการสูบน้ำ ส่วนเครื่องจักรกล สำนักงานชลประทานที่ 1 เข้าติดตั้งเครื่องสูบน้ำแบบเคลื่อนที่ขนาด 8 นิ้ว จำนวน 1 เครื่อง ณ บริเวณบ้านต้นเปา ต.ต้นเปา อ.สันกำแพง และอีก 1 เครื่อง ขนาด 8 นิ้ว ณ หมู่บ้านการ์เด้นแลนด์ ต.สันทรายน้อย อ.สันทราย ซึ่งเป็นพื้นที่ท่วมซ้ำซาก พร้อมกำชับให้เตรียมเครื่องสูบน้ำสำรองอีก 1 เครื่อง เพื่อนำไปติดตั้งเพิ่มเติมได้ทันทีหากมีปริมาณฝนตกหนักมาก
ในส่วนของ โครงการชลประทานเชียงใหม่ ได้สั่งการให้ นายชนม์ฐพัฒน์ เครือศรี หัวหน้าฝ่ายจัดสรรน้ำและปรับปรุงระบบชลประทาน พร้อมหัวหน้าฝ่ายส่งน้ำและบำรุงรักษาที่ 1-8 ติดตามสถานการณ์น้ำและปริมาณฝนตกอย่างใกล้ชิด เตรียมความพร้อมทั้งเครื่องจักร เครื่องมือ กำลังเจ้าหน้าที่ และสิ่งของช่วยเหลือผู้ประสบภัยตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อเข้าช่วยเหลือประชาชนได้ทันทีหากเกิดอุทกภัย
ขณะเดียวกัน นายวิสูตร จันทร์เขียว หัวหน้าฝ่ายช่างกล โครงการชลประทานเชียงใหม่ ได้นำเจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบความพร้อมของสถานีสูบน้ำสบแม่ข่า ต.สบแม่ข่า อ.หางดง ซึ่งมีเครื่องสูบน้ำ 4 เครื่อง แต่ละเครื่องมีอัตราการสูบ 3 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที เพื่อเตรียมพร้อมบริหารจัดการน้ำและระบายน้ำจาก อ.หางดง และ อ.เมือง ลงสู่คลองแม่ข่าน้อย และแม่น้ำปิงหากมีฝนตกหนัก
ผลการตรวจสอบพบว่า ประตูระบายน้ำสามารถใช้งานได้เต็มที่ 100% เช่นเดียวกับประตูระบายน้ำและฝายในแม่น้ำปิง ตั้งแต่ประตูระบายน้ำท่าวังตาล อ.เมืองเชียงใหม่ ไปจนถึงฝายดอยน้อย อ.ดอยหล่อ และประตูระบายน้ำแม่สอย อ.จอมทอง ซึ่งเป็นประตูตัวสุดท้ายในลำน้ำแม่ปิง ได้เปิดประตูระบายน้ำทุกบานเพื่อระบายน้ำลงสู่ทะเลสาบดอยเต่า และเขื่อนภูมิพล จังหวัดตาก ทำให้ระบบประตูและฝายในลำน้ำปิงสามารถใช้งานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพในการบริหารจัดการน้ำเพื่อรับมือสถานการณ์ที่อาจเกิดขึ้นจากพายุ “วิภา”