ตำรวจ ตม.เชียงใหม่-สอท.4 บุกจับหนุ่มจีนแก๊งคอลเซ็นเตอร์คาบ้านพักเชียงใหม่ ตัวการรวมเงินส่งออฟฟิศใหญ่ ยึดของกลางมือถือ-บัญชีม้าอื้อ
วันที่ 11 พ.ย.2568 พ.ต.อ.รัฐพงศ์ แก้วยอด ผกก.สส.บก.ตม.5 และ พ.ต.ท.จีรัชญ์ จงอิทธิ รอง ผกก.สส.บก.ตม.5 พร้อมด้วย พล.ต.ต.สราวุธ คนใหญ่ ผบก.ตม.5 และ พ.ต.อ.คมสัน มีภักดี ผกก.4 บก.สอท.4 นำกำลังเจ้าหน้าที่เข้าทำการตรวจค้นภายในบ้านพักหลังหนึ่ง ตั้งอยู่ในย่าน ต.หนองผึ้ง อ.สารภี จ.เชียงใหม่
ภายหลังจากสืบทราบว่าเป็นแหล่งกบดานของบุคคลต้องสงสัยในการก่อเหตุอาชญากรรมทางเทคโนโลยี โดยในการบุกเข้าตรวจค้นในครั้งนี้ ทางเจ้าหน้าที่ได้ทำการจับกุมตัว เป็นชาวจีน 1 ราย ซึ่งแสดงตัวเป็นคนที่อาศัยอยู่ภายในบ้านหลังดังกล่าว ที่ได้เข้ามาเช่าได้อยู่ได้ประมาณ 2 เดือน
นอกจากนี้จากการตรวจค้นบริเวณชั้นสอง ของบ้านพบ พร้อมของกลางบัตร ATM รวมจำนวน 73 ใบ และบัญชีรายชื่อธนาคาร จำนวน 277 ราย และพบโทรศัพท์มือถือ จำนวน 174 เครื่อง , คอมพิวเตอร์โน๊ตบุ๊ค 2 เครื่อง
ผบก.ตม.5 เปิดเผยว่า สำหรับการจับกุมครั้งนี้ เป็นการปฏิบัติการตรวจสอบเกี่ยวกับกลุ่มชาวต่างชาติในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ โดยจากการตรวจสอบเคสที่จับกุมได้ครั้งนี้เป็นความเสียหายที่เกิดขึ้นโดยตรงกับคนไทยโดยตรง เนื่องจากมีการตรวจพบบัญชี และบัตร ATM ที่มีชื่อคนไทยทั้งสิ้น และมีการตรวจยึดได้แบ่งเป็นสมุดบัญชีประมาณ 200 กว่าเล่ม และบัตร ATM อีกประมาณ 70-80 ใบ ซึ่งจะมีการดำเนินการขยายผลของกลางต่อไป

จากการสอบสวน ผู้ต้องหาชายชาวจีนยอมรับสารภาพ อีกทั้งยังทราบว่ามีหัวหน้าบงการอยู่อีกทอด นอกจากนี้ปัจจุบันพบว่ารูปแบบการก่อเหตุกระทำความผิดในรูปแบบออนไลน์มีเพิ่มสูงขึ้น และที่ตรวจพบอีกคือรูปแบบการผูกกับเคส ID ที่พบผู้เสียหายแล้วประมาณ 19 เคส จึงต้องมีการตรวจสอบและขยายผลเพิ่มเติมอีกครั้ง และส่งต่อไปให้กับพื้นที่ที่รับผิดชอบต่อไป
ด้าน ผกก.4 บก.สอท.4 กล่าวเพิ่มเติมว่า ในส่วนของทาง สอท.4 ได้เข้ามาร่วมในการปฏิบัติการเพื่อสนับสนุนเรื่องกฎหมาย รวมถึงการขยายผลทางเทคนิคในเรื่องของบัญชีกับโทรศัพท์ ที่จะต้องมีการขยายผลหาต้นตอ ที่คาดว่าจะมีการย้ายถิ่นฐานมาจากประเทศเพื่อนบ้าน ที่ขณะนี้กำลังมีการปราบปรามกันอย่างจริงจัง

และนอกจากนี้จากการตรวจสอบยังพบว่ามีผู้เสียหายเกิดขึ้นกับบัญชีที่จับกุมได้ และในส่วนของโทรศัพท์ก็จะมีการสืบสวนอีกครั้งเนื่องจากบางเครื่องยังพบว่ามีการทำงานอยู่ มีเลขบัญชี และมีเงินหมุนไหลเวียนเข้าออกอยู่ ซึ่งส่วนนี้ต้องมีการตรวจสอบในทางเทคนิค
และจากการตรวจสอบพบว่า แก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่จับกุมได้ครั้งนี้ ยังเป็นกลุ่มที่หลอกลวงคนไทย และมีการแบ่งหน้าที่กันทำ ซึ่งในส่วนของที่จับกุมได้ครั้งนี้เป็นส่วนของการจัดการเงิน โดยมีการรวบรวมบัญชีจากที่ต่างๆ แล้วเอามาส่งโดยในส่วนของออฟฟิศใหญ่ยังคงต้องมีการตรวจสอบขยายผลต่อไป
ทั้งนี้ ทางเจ้าหน้าที่ได้ทำการส่งตัวชายชายจีนที่ถูกจับกุม ดำเนินคดีในข้อหา “มีบัตรอิเล็กทรอนิกส์ของผู้อื่นโดยมิชอบไว้ในครอบครอง เพื่อนำออกใช้ ซึ่งน่าจะก่อให้เกิดความเสียหายต่อผู้อื่น และ สนับสนุนหรือ ช่วยด้วยประการใดๆ อันเป็นการช่วยเหลือหรือให้ความสะดวกในการที่ผู้อื่นกระทำความผิด เพื่อให้มีการซื้อ ขาย ให้เช่า หรือยืม บัญชีเงินฝาก เพื่อใช้ในการกระทำความผิด.

