หน้าแรก
ลำพูน – เจ้าของห้องเช่าเผยพ่อค้าส้มตำลำพูนเคยโทร.ร้องห่มร้องไห้ขายของไม่ดี ไม่มีเงินจ่ายค่าเช่า ลูกน้อง เคยเห็นแก๊งเงินกู้นอกระบบทวงเงิน ก่อนทิ้งจดหมายตัดพ้อก่อเหตุฆ่าตัวตายยกครัวพ่อแม่ลูก
ความคืบหน้ากรณีพบศพนายสมรักษ์ วงศ์ชนะ พ่อค้าส้มตำย่านนิคมอุตสาหกรรมจังหวัดลำพูน ได้ก่อเหตุสลดรมควันฆ่าตัวตายพร้อมลูกเมีย ตาย 3 ศพ ในห้องเช่าเมื่อวันที่ 12 ธ.ค. 66 โดยมีการเขียนจดหมายลาตายข้อความลักษณะตัดพ้อ ขายของไม่ดีนานเป็นปี ทำให้เกิดปัญหาทางด้านการเงิน และมีหนี้สิน จนก่อให้เกิดความเครียดจนนำไปสู่การตัดสินใจก่อเหตุสลดเพื่อหนีปัญหาดังกล่าว
ขณะที่เจ้าหน้าที่กำลังตรวจสอบที่เกิดเหตุ ผู้สื่อข่าวได้มีโอกาสพูดคุยกับนายหนึ่ง (นามสมมติ) เจ้าของห้องเช่า เล่าว่าก่อนหน้านี้ไม่กี่วันผู้ตายได้โทรศัพท์มาพูดคุยกับตน พร้อมกับร้องห่มร้องไห้ และเล่าให้ฟังว่าขายของไม่ค่อยดี ทำให้ไม่มีเงินจ่ายค่าเช่า ตนจึงได้พูดปลอบใจไปว่าอย่าคิดมากและอย่าเอาเรื่องค่าเช่ามาเป็นประเด็น มีเงินเท่าไหร่ก็ค่อยผ่อนชำระยืนยันไม่เคยทวงค่าเช่ากับผู้ตายเลย ขณะที่ลูกน้องของตนที่เฝ้าอยู่ที่นี่เคยเห็นแก๊งเงินกู้นอกระบบมาทวงเงินผู้ตายอยู่เหมือนกัน
ด้าน พ.ต.อ.พชรพล วงศ์รจิต รอง ผบก.ภ.ลำพูน เปิดเผยว่า ทางผู้บังคับการตำรวจภูธร จ.ลำพูน ได้กำชับให้คลี่คลายคดีนี้ให้ชัดเจน จากการตรวจสอบที่เกิดเหตุเบื้องต้นไม่พบร่องรอยการต่อสู้และพบอุปกรณ์ฆ่าตัวตายเช่นเตาอั้งโล่ ถังแก๊ส และพบว่ามีการใช้สายไฟพันนิ้วมือพ่อกับแม่ และพ่อได้ใช้มืออีกข้างแตะลูกไว้ นอกจากนี้ผู้ตายเขียนจดหมายลาตายระบุว่าเกิดจากปัญหาเศรษฐกิจผู้ตายพยายามประคับประคองร้านให้อยู่ได้ตั้งแต่การแพร่ระบาดเชื้อโควิดแล้วแต่ไม่ไหว
ขณะที่ สภ.นิคมอุตสาหกรรมชี้แจงว่า จากการสันนิษฐานเบื้องต้นเชื่อว่าผู้ตายได้ทำการรมควันฆ่าตัวตาย และจดหมายลาตายที่มีข้อความในเชิงตัดพ้อกับปัญหาในด้านเศรษฐกิจ ที่สืบเนื่องมาจากการระบาดของโรคโควิด-19 มีปัญหาด้านการค้าการลงทุนการเงิน จึงทำให้ผู้ตายได้ก่อเหตุดังกล่าวขึ้นเพื่อหนีปัญหา ในส่วนของการสืบสวนสอบสวนยังไม่พบว่าเกิดจากสาเหตุการถูกทวงหนี้นอกระบบที่เป็นสาเหตุทำให้เกิดความเครียดจนนำไปสู่การฆ่าตัวตายแต่อย่างใด
จากการสอบถามเพื่อนบ้านที่อยู่ใกล้ที่เกิดเหตุก็ไม่พบเห็นว่ามีบุคคลอื่นมาทวงหนี้ผู้ตาย สภ.นิคมอุตสาหกรรม จ.ลำพูน กำลังอยู่ระหว่างหาสาเหตุในการฆ่าตัวตายและรวบรวมพยานหลักฐาน ดำเนินการสอบสวนคดี และปฏิบัติตามนโยบายสั่งการของผู้บังคับบัญชา พร้อมให้ความเป็นธรรมทุกฝ่าย
ที่มา ผู้จัดการออนไลน์
