กาแฟ เป็นหนึ่งในเครื่องดื่มยอดฮิตของคนแทบทุกเพศทุกวัย แต่หลายคนอาจไม่รู้ว่าการดื่มกาแฟคู่กับอาหารหรือเครื่องดื่มบางอย่าง เพราะอาจส่งผลเสียต่อสุขภาพได้
อาหารและเครื่องดื่มที่ห้ามกินคู่กับกาแฟ
1. เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทุกชนิด
การดื่มกาแฟร่วมกับเครื่องดื่มที่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์ทุกชนิดยิ่งกระตุ้นให้หัวใจเต้นเร็วและทำงานหนักขึ้น ซึ่งเป็นอันตรายอย่างยิ่ง โดยเฉพาะผู้ป่วยโรคหัวใจยิ่งต้องระวังเป็นพิเศษ
2. อาหารที่มีธาตุเหล็กสูง
เช่น ลูกพรุน ผักโขม ถั่วเมล็ดแห้ง อาหารทะเล เพราะในกาแฟมีสารแทนนิน (Tannins) และ คาเฟอีน ที่ขัดขวางการดูดซึมธาตุเหล็กชนิด Non-Heme ในร่างกาย ทำให้ร่างกายได้รับธาตุเหล็กไม่เต็มที่ ซึ่งมีความสำคัญต่อการสร้างเม็ดเลือด
3. อาหารที่มีแคลเซียมสูง
เช่น นม, โยเกิร์ต, ชีส เพราะคาเฟอีนในกาแฟอาจลดการดูดซึมแคลเซียมและเพิ่มการขับแคลเซียมออกทางปัสสาวะ หากดื่มกาแฟในปริมาณมากเป็นประจำอาจเพิ่มความเสี่ยงต่อภาวะขาดแคลเซียมและโรคกระดูกพรุนได้ นอกจากนี้กาแฟยังอาจขัดขวางการดูดซึมวิตามินดี ซึ่งช่วยในการดูดซึมแคลเซียมอีกด้วย
4. ผลไม้ที่มีรสเปรี้ยวหรืออาหารที่เป็นกรดสูง
เนื่องจากกาแฟมีฤทธิ์เป็นกรด การรับประทานร่วมกับผลไม้รสเปรี้ยวและรสเผ็ด เช่น ส้ม มะนาว หรืออาหารที่เป็นกรดสูงอื่นๆ จะยิ่งกระตุ้นการหลั่งกรดในกระเพาะอาหารมากขึ้น อาจทำให้เกิดอาการกรดไหลย้อน แสบท้อง คลื่นไส้ หรือระคายเคืองเยื่อบุกระเพาะอาหารได้ง่าย โดยเฉพาะในผู้ที่เป็นโรคกระเพาะอาหารหรือกรดไหลย้อน
5. อาหารที่มีโซเดียมสูง
การรับประทานอาหารที่มีเกลือหรือโซเดียมสูง เช่น อาหารแปรรูป, ขนมขบเคี้ยวต่างๆ ร่วมกับการดื่มกาแฟที่มีคาเฟอีน อาจทำให้ความดันโลหิตสูงขึ้นได้ ซึ่งเพิ่มความเสี่ยงต่อโรคหัวใจและความดันโลหิตสูง
6. อาหารที่มีไขมันสูงและของทอด
อาหารทอดหรืออาหารที่มีไขมันอิ่มตัวสูง เมื่อรับประทานร่วมกับกาแฟ อาจเพิ่มความเสี่ยงต่อโรคหลอดเลือดหัวใจได้ นอกจากนี้ กาแฟยังอาจทำให้การย่อยไขมันช้าลง ทำให้เกิดอาการแน่นท้อง และท้องอืดได้ง่าย
นอกจากนี้ ยาบางชนิดยังไม่ควรรับประทานคู่กับการดื่มกาแฟด้วยเช่นกัน ซึ่งโดยหลักการแล้ว ควรรับประทานยาทุกชนิดด้วยน้ำเปล่าเท่านั้น และเว้นระยะห่างจากการดื่มชาหรือกาแฟอย่างน้อย 1-2 ชั่วโมง เพื่อความปลอดภัย แต่มีกลุ่มยาที่ต้องระวังเป็นพิเศษดังนี้
1. ยาที่อาจทำให้มีอาการใจสั่น หรือหัวใจเต้นเร็ว
- ยาขยายหลอดลม เช่น Theophylline เพราะกาแฟและยาขยายหลอดลมมีฤทธิ์กระตุ้นหัวใจคล้ายกัน การดื่มร่วมกันอาจทำให้ได้รับคาเฟอีนเกินขนาด หรือทำให้เกิดอาการใจสั่น หัวใจเต้นผิดจังหวะ มือสั่น และกระสับกระส่ายรุนแรงขึ้น
- ยาแก้หวัด หรือยาลดอาการคัดจมูก ที่มีส่วนผสมของ Pseudoephedrine เพราะเป็นสารกระตุ้นเหมือนกัน การดื่มคู่กับกาแฟยิ่งเพิ่มผลข้างเคียง เช่น อาการกระวนกระวายใจ หรือความดันโลหิตสูงขึ้น
2. ยาที่กาแฟไปลดการดูดซึม (ลดประสิทธิภาพยา)
- ยารักษาภาวะไทรอยด์ทำงานน้อย (Levothyroxine) มีงานวิจัยที่แสดงให้เห็นว่ากาแฟสามารถลดการดูดซึมของยานี้ในร่างกายได้อย่างมาก ทำให้ประสิทธิภาพในการรักษาลดลง และอาจทำให้ฮอร์โมนไทรอยด์ในเลือดผันผวน
- ยารักษาโรคกระดูกพรุน เช่น Alendronate เนื่องจากกาแฟ รวมถึงนมหรือน้ำผลไม้ สามารถลดการดูดซึมของยาได้ ทำให้ยาออกฤทธิ์ได้ไม่เต็มที่
3. ยาแก้ปวด หรือยาไมเกรนบางชนิด
- เพราะยาแก้ปวดหัวหรือยาไมเกรนบางสูตรมีการเติมคาเฟอีนเพื่อช่วยให้ยาออกฤทธิ์ได้ดีขึ้นและเร็วขึ้น หากดื่มกาแฟร่วมด้วยอาจทำให้ได้รับคาเฟอีนเกินขนาด จนเกิดอาการมือสั่น หัวใจเต้นเร็ว และนอนไม่หลับได้
4. ยารักษาโรคทางจิตเวช หรือระบบประสาท
- ยาต้านอาการซึมเศร้า (Antidepressants) และยารักษาจิตเวชบางชนิด การรับประทานคู่กับการดื่มกาแฟอาจกระทบการเผาผลาญยาเหล่านี้ในตับ ทำให้ระดับยาในเลือดสูงขึ้น หรืออาจลดประสิทธิภาพของยาลง และอาจทำให้เกิดความรู้สึกกระสับกระส่ายและวิตกกังวลมากขึ้น
- ยารักษาโรคพาร์กินสัน เพราะกาแฟอาจรบกวนการดูดซึมของยาบางชนิดในกลุ่มนี้
5. ยาปฏิชีวนะ หรือยาฆ่าเชื้อ
- ยาปฏิชีวนะบางชนิด เช่น ยาในกลุ่มควิโนโลน (Quinolone) และ ฟลูออโรควิโนโลน (Fluoroquinolone) ซึ่งใช้ในการรักษาโรคติดเชื้อแบคทีเรียหลายชนิด เช่น Ciprofloxacin อาจไปชะลอการกำจัดคาเฟอีน ออกจากร่างกาย ทำให้อาการใจสั่น กระสับกระส่ายอยู่ในร่างกายนานขึ้น
ดังนั้นหากกำลังรับประทานยาใดๆ เป็นประจำ ควรปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกร ถึงข้อจำกัดในการรับประทานอาหารและเครื่องดื่มร่วมกับยาของเราเสมอ
– Website : www.thairath.co.th